หน้าเว็บ

วันพุธที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

จีนเปิดใช้เขื่อนที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่างเป็นทางการ Voice TV

ดูหนัง the fast and the furious 6 มาแล้ว by LikeLimit.com

07-ท่องจักรวาล - สำรวจดาวอังคาร.mpg

10 อันดับราชวงค์ที่ร่ำรวยที่สุดในโลก 2011

10 นักเตะที่เร็วที่สุดในโลก

กบนอกกะลา ตอน ปลาทูแม่กลอง

สถานที่ท่องเที่ยวเด็ดๆในไทย.mp4

ชิงร้อยชิงล้าน โหน่งร้องเพลง

การแต่งหน้ากรณีพิเศษ

การแต่งหน้าสำหรับตอนกลางวัน
  • ลงครีมรองพื้นชนิดเหลวที่เหมาะกับสภาพผิวเพียงบางๆ
  • ปกปิดริ้วรอยและรอยคล้ำใต้ดวงดาด้วครีมรอบพื้นรอบดวงตาและปกปิดริ้วรอยชนิดแท่ง และเกลี่ยให้เนียนเรียบ
  • ทาทับแป้งฝุ่นให้ทั่วใบหน้า
  • ใช้แปรงปัดขนคิ้ววาดให้ดูเป็นรูปคิ้วสวยงามแต่ไม่คมชัดจนเกินไป
  • ใช้ดินสอเขียนขอบตาวาดเส้นตามแนวขอบตาด้านบน
  • ทาตาด้วยที่ทางตาสีอ่อนหรือสีกลางจากขอบตาจนถึงคิ้ว
  • ทางสีเข้มเพื่อเพิ่มความเ่ด่นบนดวงตา เกลี่ยให้ทั่วแนวโหนกคิ้วเพื่อให้ดวงตาเป็นรูปอัลมอนด์ สามารถใช้สีเดียวกันนี้ทาไล้ไปตามแนวขอบตาด้านล่างได้
  • ปัดมาสคาร่าที่ขนตาด้านบนและด้านล่าง
  • ปัดที่ทาแก้มแบบฝุ่นบางๆ ที่ได้บริเวณโหนกแก้มไปจนถึงแนวเส้นผม
  • ใช้ดินสอเขียนขอบปากวาดรูปปากแล้วทาลิปสติกสีกลางหรือสีเข้มสำหรับวันทำงาน และสีอ่อนสำหรับวันพักผ่อน
 
 
การแต่งหน้าสำหรับตอนกลางคืน
  • ทาครีมรองพื้นให้หนากว่าตอนกลางวัน โดยใช้ฟองน้ำชุบน้ำหมาดๆ กับแป้งแข็ง ผสมรองพื้นเกลี่ยให้เนียนเรียบทั่วใบหน้า
  • ปกปิดริ้วรอยและรอยคล้ำใต้ดวงตาด้วยครีมรองพื้นรอบดวงตา และ ปกปิดริ้วรอยชนิดแท่ง
  • ปัดทับด้วยแป้งฝุ่นอีกครั้ง
  • ใช้ดินสอเขียนคิ้วสีเข้มกว่าสีคิ้วธรรมชาติ เขียนคิ้วให้ได้สัดส่วนและดูเป็นธรรมชาติ
  • ทาตาด้วยที่ทาตาสีอ่อนจากขอบตาจนถึงคิ้ว
  • ทาสีเข้มเป็นเส้นบางๆ บริเวณรอบพับบนเปลือกตา จะำทำให้ดวงตาดูโตขึ้นและโหนกคิ้วดูเด่นขึ้น
  • เกลี่ยด้วยที่ทาตาสีกลางเพื่อเน้นความงามและทำให้ดวงตาแลดูคมเข้มขึ้น
  • วาดไฟน์ไลเนอร์สีดำที่ขนตาด้านบน โดยเริ่มจากหัวตาเป็นเส้นบางๆ ก่อนแล้วเริ่มวามให้หนาขึ้นตรงบริเวณม่านตา จากนั้นลากเส้นต่อในแนวเฉียงขึ้นเหนือหางตา
  • ใช้ดินสอเขียนขอบตาวาดที่ขอบตาด้านล่าง
  • ไม่ควรเขียนขอบตาจนถึงหางตาเพราะจะทำให้ดวงตาเล็กลง
  • ปัดมาสคาร่า 2 ครั้งที่ขนตาบนและล่าง
  • ปัดแก้มด้วยที่ทาแก้มแบบฝุ่นสีกลางและสีเข้มบริเวณใต้โหนกแก้ม ปัดสีอ่อนกว่าทับสีเข้ม บริเวณกลางแก้ม และเกลี่ยขึ้นไปจนถึงบริเวณแนวเส้นผม
  • วาดรูปปากด้วยดินสอเขียนขอบปาก แล้วจึงทาลิปสติก
 
 
การแต่งหน้าสำหรับวัยผู้ใหญ่
  • ใช้ครีมรอบพื้นชนิดเหลวสำหรับการรอบพื้นแบบบาง และครีมรอมพื้นชนิดอัดแข็งสำหรับการรองพื้นแบบหนาเพื่อเพิ่มความชุ่นชื้น
  • ปกปิดรอบคล้ำใต้ดวงตาด้วยครีมรองพื้นรอบดวงตาและปกปิดริ้วรอยชนิดแท่ง
  • เนื่องจากสีผิวจะเปลี่ยนไปตาวัย ดังนั้น จึงจำเป็นต้องตรวจดูสีของครีมรองพื้นด้วย โดยควรตรวจดูทุก 3-4 ปี เพื่อให้เข้ากับผิว
  • ตบท้ายด้วยการปัดแป้งฝุ่น หากทาแป้งหนาเกินไป ริ้วรอยต่างๆจะถูกเน้นให้เด่นชัดขึ้น
  • ตกแต่งรูปคิ้ว หากจะใช้ดินสอเขียนคิ้ว ควรหลีกเลี่ยงสีดำเพราะจะดูเข้มเกินไป
  • ให้ที่ทาตาสีอ่อนที่ดวงตาตั้งแต่ขอบตาจนจรดคิ้ว
  • เกลี่ยด้วยที่ทาตาสีกลางบริเวณรอยพับของเปลือกตา แล้วเกลี่ยไปจนถึงโหนกคิ้ว ไม่ควรใช้ที่ทาตาสีมุก เพราะสีมุกจะเน้นรอยย่นของผิวที่แห้งและรอยย่นตามวัยให้เด่นชัดขึ้น
  • แนะนำให้ใช้ที่ทาตาสีม่วง เทา หรือสีเขียว เกลี่ยบริเวณขอบตา ไม่ควรทาสีใดๆ บริเวณขอบตาด้านล่าง เพราะจะทำให้ดวงตาดำคล้ำ ดูเหมือนอิดโรยและอดนอนมากขึ้น
  • ใช้ดินสอเขียนขอบตาวาดตามแนวขอบตาและเกลี่ยเบาๆ โดยหลีกเลี่ยงสีเข้ม แนะนำให้ใช้สีม่วง น้ำเงิน หรือน้ำตาล
  • ปัดมาสคาร่า 2 ครั้ง เลือกสีน้ำตามเข้มหรือสีฟ้า เพราะสีดำจะเข้มเกินไป
  • เมื่ออายุมากขึ้น ผิวหน้าก็จะหย่อนยานตามวัย การปัดที่ทาแก้มแบบแป้งฝุ่นด้วยวิธีที่ถูกต้อง จะช่วยพรางความหย่อนยานโดยช่วยยกพวงแก้มขึ้นได้
  • ปัดแก้มจากพวงแก้มจนถึงแนวเส้นผม โดยเน้นเฉพาะบริเวณกลางพวงแก้ม
  • เฉดสีที่ทาแก้มที่ควรใช้คือ สีชมพูอ่อนและสีพีช
  • เพื่อป้องกันไม่ให้ลิปสติกซึมเลอะขอบปาก ให้ทาครีมรองพื้นที่ริมฝีปากแล้วปัดทับด้วยแป้งฝุ่น
  • ใช้ดินสอเขียนขอบปากเพื่อเน้นริมฝีปาก แนะนำให้เลือกสีที่ใกล้เคียงกับสีลิปสติกที่คุณใช้อยู่
  • สำหรับลิปสติก แนะนำเฉดสีชมพูและแดงในเฉดสีกลางไปจนถึงสีสด
 
 
การแต่งหน้าสำหรับผู้สวมแว่นตา
  • แต่งหน้าให้ทั่วใบหน้าโดยไม่เว้นแม้แต่แก้มหรืิอริมฝีปาก
  • ตรวจดูสีของกรอบแว่นด้วยว่าเป็นโทนสีร้อนหรือสีเย็น เพื่อแต่งหน้าให้กลมกลืนไปกับขอบแว่น
  • คิ้วควรจะอยู่ในระดับเดียวกันกับกรอบแว่น หรือสูงกว่าเล็กน้อย
  • สีของที่ทาตาสามารถเลือกเฉดสีเข้มขึ้นเล็กน้อยได้ เพราะกระจกแว่นจะลดความเข้มของสีลง
  • สร้างความสมดุลระหว่างความเข้มของสีที่ทาตา เพื่อให้ดูกลมกลืนไปกันได้กับแว่นตา
  • ใช้ดินสอเขียนขอบตาพอประมาณ ควรจะใช้ชนิดสีมากกว่าสีดำหรือน้ำตาล
  • อย่าลืมปัดมาสคาร่าเป็นอันขาด
  • หากใส่แว่นกรอบใหญ่ ควรปัดแก้มบริเวณโหนกแก้มด้วย เพื่อที่จะได้มองเห็นผ่านเลนส์แว่นตา
  • หากกรอบแว่นสีเข้ม ควรจะทำให้เครื่องสำอางบนใบหน้ากลมกลืนกันด้วยการใช้ลิปสติกสีเข้ม
 
 
การแต่งหน้าสำหรับวัยรุ่น
  • เริ่มต้นด้วยการใช้แป้งแข็งผสมรองพื้นให้ทั่วใบหน้า ควรเลือกสีที่เข้ากับสีผิวเพื่อความเป็นธรรมชาติ
  • ปัดขนคิ้วให้เข้ารูป
  • ใช้ดินสอเขียนขอบตาวาดเส้นตามแนวขอบตาแล้วเกลี่ยเบาๆ แนะนำให้ใช้สีน้ำเงินหรือสีน้ำตาล
  • ปัดมาสคาร่าสีน้ำตาลเพียงครั้งเดียว
  • ปัดแก้มบางๆ ด้วยที่ทาแก้มเฉดสีชมพู หรือสีพีช
  • ทาปากด้วยเชียร์ กลอสส์ หรือลิปสติกสีธรรมชาติ
 
 
การแต่งหน้าสไตล์แอ็บแบ๊ว
  • ก่อนแต่งหน้าทามอยซ์เจอไรเซอร์เพิ่มความชุ่มชื้นให้ใบหน้าทุกครั้ง แต่ต้องรอสัก 10 นาทีให้ครีมบำรุงซึมซาบเข้าสู่ผิวก่อนจะเริ่มแต่งหน้า
  • ทาแป้งฝุ่นอัดแข็งเนื้อบางเบาหรือ loose powder โดยเลือกเนื้อแป้งที่สีกลมกลืนกับผิว อย่าพยายามใช้โทนสีขาวที่อ่อนกว่าผิวจริงของตัวเองมาก เพราะจะทำให้หน้าวอกดูเฟค
  • ปัดแก้มด้วยบลัชออนสีชมพูหรือสีพีช โดยเน้นปัดที่โหนกแก้ม ไล้จากขอบหน้ามาถึงประมาณกลางลูกตาดำ แล้วปัดวนเป็นวงกลมๆ จะช่วยให้ใบหน้าดูมีเลือดฝาก สุขภาพดี มีเสน่ห์ น่าหอม
  • ทาอายชาโดว์สีน้ำตาลอ่อนเมทาลิค หรือสีเบจเป็นสีพื้นให้ทั่วเปลือกตา
  • เขียนขอบตาให้คมชัด โดยใช้ดินสอเขียนขอบตาสีน้ำตาลหรือดำ วาดจากหัวตาไปจนถึงหางตา แล้วตวัดปลายชี้ขึ้นเล็กน้อย 
  • ดัดขนตา ซึ่งต้องดัดตั้งแต่โคนขนตาขึ้นไปกลางขนตา และก็ดัดที่ปลายขนตารวม 3 steps แล้วปัดมาสคาร่าชนิดเพิ่มความหนาและความยาว 
  • ทาริมฝีปากด้วยลิปบาล์มเพิ่มความชุ่มชื้น แล้วทับด้วยลิปกลอส หรือลิปเจลสีชมพูอ่อนๆ 
 

วิธีแต่งหน้า



การลงรองพื้น
  • เริ่มด้วยการแต้มครีมรองพื้น 5 จุด บริเวณหน้าผาก จมูก แก้ม 2 ข้าง และคาง
 
  • เกลี่ยให้ทั่วใบหน้าจนเนียนเรียบ
 
  • หากต้องการลงรองพื้นแบบเบาบาง ให้ใช้ฟองน้ำเกลี่ย แต่หากต้องการการปกปิดแบบหนาให้ใช้นิ้วมือ ในการเกลี่ย
 
  • วิธีการจับฟองน้ำ ให้ใช้นิ้วกลางเป็นแกนหลัก ในการกดฟองน้ำให้สัมผัสกับผิวหน้า ในลักษณะคล้ายกับสปริง กดซับให้ทั่วใบหน้าจนกว่าจะเนียนเรียบ


การลงไฮไลท์
  • ใช้ครีมรองพื้นรอบดวงตา ปกปิดริ้วรอยชนิดแท่ง สีอ่อน ลากเส้นไปตามบริเวณที่ต้องการปกปิด หรือจุดที่ต้องการเสริมให้โดดเด่น ได้แก่ ใต้ดวงตา (ปกปิดรอยคล้ำ) สันจมูก โหนกคิ้ว ร่องแก้ม และคาง
  • ใช้ปลายนิ้วมือ (นิ้วกลางนิ้วนาง) เกลี่ยครีมเบาๆ จนกระทั่งเนื้อครีมเรียบกลมกลืนไปกับผิว
  • นิ้วกลางหรือนิ้วนามจะมีสัมผัสที่เบา และมีคุณสมบัติในเรื่องของความอบอุ่น ซึ่งจะช่วยให้ครีมรองพื้นรอบดวงตาและ ปกปิดริ้วรอยชนิดแ่ท่งผสมเป็นเนื้อเดียวกับครีมรองพื้น นอกจากนี้ยังช่วยลดปัญหาการรองพื้นเป็นคราบได้ดี

การลงเฉดดิ้ง

  • ใช้ครีมรองพื้นรอบดวงตาและปกปิดริ้วรอยชนิดแท่ง สีเข้ม ป้ายไปตามจุดที่ต้องการปกปิด เช่น รอยปาน กระ รอยแผลเป็น รวมถึงของจมูก เพื่อเสริมให้สันจมูกดูเด่นขึ้น จากนั้น ใช้นิ้วมือเกลี่ยให้เนียนกลมกลืน
  • หากต้องการแก้ไขรูปหน้าให้เรียวขึ้น ให้ลากครีมรองพื้นรอบดวงตาและปกปิดริ้วรอยชนิดแท่ง เป็นเส้นไปตามแนวขากรรไกร ปีกจมูก คาง หรือหน้าผาก แล้วใช้ฟองน้ำเกลี่ยให้กลมกลืนทั่วบริเวณนั้นๆ
  • ควรตรวจสอบให้มั่นใจทุกครั้งว่า บริเวณที่เฉดดิ้งไม่ทิ้งรอยคราบเป็นเส้นเ่ด่นชัด ถ้ามีควรเกลี่ยให้กลมกลืน
การทาแป้งฝุ่น
  • ใช้พัฟฟ์แต้มแป้งฝุ่นแล้วนำมากดซับบนใบหน้าโดยใช้นิ้วกลางเป็นตัวลงน้ำหนักเพียงเบาๆ
  • หากต้องการลงแป้งผุ่นแบบเบาบาง ให้ใช้พู่กันปลายใหญ่จุ่มแป้งฝุ่น เคาะแปรงเพื่อให้แป้งส่วนเกินหลุดออก ปัดให้ทั่วไปหน้าแทนการใช้พัฟฟ์
  • หลังจากลงแป้งฝุ่นเรียบร้อยแล้ว ให้ใช้พู่กันปลายใหญ่ปัดแป้งฝุ่นส่วนเกินออกให้หมดทุกครั้ง
  • การลงแป้งฝุ่นควรลง 2 สี เพื่อเสริมสร้างมิติบนใบหน้าให้ดูเด่นชัดมากขึ้น คือ
  • ใช้แป้งฝุ่นสีอ่อน สีแฟร์ บริเวณกึ่งกลางใบหน้าหรือจุดที่มีการลงไฮไลท์
  • ตามด้วแป้งฝุ่นสีเข้ม สีมีเดียม บริเวณกรอบหน้าหรือจุดที่มีการเฉดดิ้ง
 
 
การเขียนคิ้ว
  • กันคิ้วให้ได้รูปก่อนเขียนคิ้วทุกครั้ง
  • เริ่มเขียนจากหัวคิ้วไปจนถึงหางคิ้วโดยให้ส่วนหัวคิ้วตรงกับหัวตา จุดสูงสุดของคิ้ว ตรงกับขอบตาดำด้านนอก และความยาวของคิ้วให้ใช้พู่กันวางทาบจากปีกจมูกผ่านหางตาขึ้นมา
  • ใช้พู่กันปลายตัดแต้มที่ทาตาแบบฝุ่นสีเดียวกับดินสอบเขียนคิ้วเกลี่ยทับเส้นคิ้ว โดยให้หัวคิ้ว สีอ่อนกว่าหางคิ้ว
  • เกลี่ยให้สีจากดินสอเขียนคิ้วเป็นเนื้อเดียวกันกับที่ทาตาแบบฝุ่นให้เป็นธรรมชาติที่สุด
  • การเขียนขอบตา
    • เริ่มเขียนจากของตาล่างจากหางตามาจนถึงกึ่งกลางตา โดยเขียนให้ชิดขอบตามากที่สุด
    • ส่วนขอบตาบนให้เริ่มเขียนจากหางตามาจนถึงหัวตา โดยให้เส้นหางตาหนากว่าหัวตา
    • บริเวณหางตาให้เขียนในลักษณะตัววี จากนั้นใช้ปลายดินสอเขียนขอบตาด้านที่เป็นฟองน้ำเกลี่ยเส้นขอบตาบนให้กระจายออก เพื่อทำให้ดวงตาดูนุ่มขึ้น
    • ส่วนขอบตาล่างให้ใช้ปลายดินสอด้านที่เป็นฟองน้ำแต้มที่ทาตาแบบฝุ่นสีเีดียวกันเกลี่ยทับอีกครั้งหนึ่ง เพื่อป้องกันการซึมเยิ้มระหว่าวัน
     
     
    การทาที่ทาตาแบบฝุ่น
    • ควรทาตาแบบฝุ่นอย่างน้อย 3 สีในเฉดเีดียวกัน
    • ลงสีอ่อนสุดทั่วเปลือกตาและโหนกคิ้ว เกลี่ยให้เนียนเรียบ
    • จากนั้นลงสีกลางเป้นสีที่ 2 บริเวณหัวตามาจนถึงกึ่งกลางตา เกลี่ยให้เนื้อสีกลมกลืนกัน
    • สุดท้ายให้ลงสีที่เข้มที่สุดบริเวณหางตา เกลี่ยเข้ามาจนถึงกึ่งกลางตาให้สีกระจายกลมกลืนเป็นเนื้อเดียวกันทั่งเปลือกตา อย่าให้เห็นเส้นแบบขอบสี
     
     
    เติมแต่งขนตาด้วยมาสคาร่า
    • เริ่มต้นด้วยการดัดขนตาก่อน โดยดัดเป็น 3 จังหวะหรือ โคนขนตา กึ่งกลางขนตา และสุดท้ายให้ดัดที่ปลายขนตา
    • การปัดขนตาบน ให้มองต่ำและใช้มาสคาค่าปัดจากโคนขนตาออกมา ให้ปัดซ้ำอีกครั้ง หากต้องการให้ขนตาดูงอนหนามากขึ้น
    • การปัดขนตาล่าง ให้เหลือบตาขึ้นข้างบนและใช้ปลายมาสคาร่าปัดเบาๆ
     
     
     
    การเขียนขอบปาก
    • เริ่มต้นด้วยการบำรุงริมฝีปากก่อนเสมอด้วย เชียร์ ลิบ คัลเลอร์ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้แก่ริมฝีปาก
    • เขียนขอบปากโดยเริ่มที่รอบหยักกึ่งกลางริมฝีปากบนให้เป็นรูปตัววี จากนั้นค่อยๆเขียนจากมุมปากมาจรดกับหางตัววีให้โค้างสวยเป็นเส้นเีดียวกัน
    • ส่วนริมฝีปากล่ายให้เริ่มที่กึ่งกลางริมฝีปาก เขียนให้เป็นรูปตัวยู จากนั้นค่อยๆ เขียนจากมุมปากมาเชื่อมให้เป็นเส้นเีดียวกัน
     
     
     
    การลงสีลิปสติก
    • ใช้พู่กันทาปากทางลิปสติกเติมภายในขอบปากที่วาดไว้ โดยเริ่มจากมุมปากล่าง เข้ามาที่ส่วนกลางของริมฝีปาก
    • จากนั้น ทาลิปสติกที่ริมฝีปากบน เริ่มจากมุมปากเข้ามาที่ส่วนกลางเช่นกัน
    • สีลิปสติกที่ใช้ควรเป็นสีเีดียวกับดินสอเขียนขอบปากเพื่อให้เกลี่ยได้กลมกลืนเป็นธรรมชาติ
     
     
     
    การแต่งแต้มสีสันลงบนแก้ม
    • ปัดที่ทาแก้มแบบฝุ่นบริเวณพางแก้ม โดยปัดเฉียงขึ้นไปทางใบหูให้เนื้อสีเนียนกลมกลืนเป็นธรรมชาติ
    • สีบรัชออนที่ใช้ต้องเป็นเฉดสีเดียวกับสีสันที่ใช้บนใบหน้า
     
     

[MV]ส่งเพลงนี้คืนมาให้ฉันที - เอ๊ะ (official)

วันเสาร์ที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

[MV]ตั้งใจ - เอ๊ะ จิรากร (official)

10 อันดับ สาวเอเชียเซ็กซ์จัด


10 อันดับ สาวเอเชียเซ็กซ์จัด
ขึ้นชื่อว่า “เซ็กซ์” ไม่ว่าจะชายหรือหญิงต่างก็มีความต้องการด้วยกันทั้งนั้น วันนี้เรามี 10 อันดับ สาวเอเซียเซ็กซ์จัดมานำเสนอกัน เป็นผลการสำรวจเรื่อง “ความสุขสมแห่งสัมผัสรัก ในอุดมคติของชาวเอเชีย” โดย บริษัท ไฟเซอร์ ซึ่งมีการสำรวจจำนวนครั้งโดยเฉลี่ยของการมีเพศสัมพันธ์ในรอบหนึ่งเดือน ผลจะเป็นไง ไปพบคำตอบพร้อมๆกับเรา เลยครับ
10
เกาหลีใต้
อันดับที่ 10 ได้แก่ เกาหลีใต้ มีความถี่ในการมีเพศสัมพันธ์ต่อเดือนมากที่สุด อยู่ที่ 4.3 ครั้ง…
9
ฮ่องกง
อันดับที่ 9 ได้แก่ ฮ่องกง มีความถี่ในการมีเพศสัมพันธ์ต่อเดือนมากที่สุด อยู่ที่ 4.8 ครั้ง…
8
สิงคโปร์
อันดับที่ 8 ได้แก่ สิงคโปร์ มีความถี่ในการมีเพศสัมพันธ์ต่อเดือนมากที่สุด อยู่ที่ 5.5 ครั้ง …
7
ฟิลิปปินส์
อันดับที่ 7 ได้แก่ ฟิลิปปินส์ มีความถี่ในการมีเพศสัมพันธ์ต่อเดือนมากที่สุด อยู่ที่ 5.6 ครั้ง …
6
ไทย
อันดับที่ 6 ได้แก่ ไทย มีความถี่ในการมีเพศสัมพันธ์ต่อเดือนมากที่สุด อยู่ที่ 5.7 ครั้ง…
5
จีน
อันดับที่ 5 ได้แก่ จีน มีความถี่ในการมีเพศสัมพันธ์ต่อเดือนมากที่สุด อยู่ที่ 6…
4
ไต้หวัน
อันดับที่ 4 ได้แก่ ไต้หวัน มีความถี่ในการมีเพศสัมพันธ์ต่อเดือนมากที่สุด อยู่ที่ 6.3 ครั้ง…
3
มาเลเซีย
อันดับที่ 3 ได้แก่ มาเลเซีย มีความถี่ในการมีเพศสัมพันธ์ต่อเดือนมากที่สุด อยู่ที่ 6.8 ครั้ง …
2
อินโดนีเซีย
อันดับที่ 2 ได้แก่ อินโดนีเซีย มีความถี่ในการมีเพศสัมพันธ์ต่อเดือนมากที่สุด อยู่ที่ 6.8 ครั้ง …
1
ผู้หญิงอินเดีย
อันดับที่ 1 ได้แก่ ผู้หญิงอินเดีย มีความถี่ในการมีเพศสัมพันธ์ต่อเดือนมากที่สุด อยู่ที่ 8.7 ครั้ง…

ที่มาและเนื้อหาภาพประกอบ :toptenthailand.com

10 ของขวัญที่ไม่ควรซื้อให้คนรัก ในวันวาเลนไทน์


เทศกาลแห่งความรักใกล้จะถึงเข้ามาทุกที….ปีนี้หรือปีไหนๆ เทศกาลแห่งความรักหรือวันวาเลนไทน์ ก็ยังคงดูเป็นวันที่โลกมีสีสันสดใส มีชีวิตชีวาอยู่ตลอด (แต่!!!….นั้นคงเฉพาะคนที่กำลังอินเลิฟ)
สาวๆ ที่กำลังกระชุ่มกระชวยหัวใจก็คงกระปรี้กระเปร่า ยิ้มรับรอให้ถึงวันแห่งความรักไวๆ เพื่อที่จะรอลุ้นว่าปีนี้ที่รักจะมีของอะไรมาเซอร์ไพรส์ จะเป็น ตุ๊กตาตัวเท่าแจ็คผู้ฆ่ายักษ์ ดอกไม้พันธุ์หายากช่อโต น้ำหอมจากปารีส รถเปิดประทุน หรือบ้าน(พร้อมหนี้สิน)กันน่ะ?
แต่สำหรับคนที่ยังโสดอยู่ ก็อย่าได้แคร์ ให้คิดซะว่าปีนี้ไม่ใช่ปีของเรา ปีหน้าๆๆๆๆ เป็นปีของเราแน่นอน อย่าได้เศร้าไปนะคะ วันวาเลนไทน์ทั้งที อย่ามัวนอนเศร้าโศกอยู่บ้าน เพราะเหตุผลที่ไม่มีแฟน มาจูงมือเพื่อนสาว(ที่โสดเหมือนกัน) ออกมาเริงร่าช้อปปิ้งกัน หาความสุขใส่ตัวดีกว่า
เข้าเรื่องต่อ หัวข้อก็บอกอยู่แล้วว่า สิ่งที่ไม่ควรซื้อให้คนรัก รู้ไว้เป็นประโยชน์อย่างมากมาย โดยเฉพาะช่วงเทศกาลแห่งความรักอย่างนี้ (คนที่ไม่มีคู่ก็ควรรู้ไว้นะค่ะ ปีหน้าๆๆๆๆ คุณอาจจะมีคนรักเป็นของตัวเองบ้างก็ได้)
สิ่งต่อไปนี้เป็นความเชื่อที่ทิชชี่ไม่บังคับให้เชื่อ แต่เชื่อไว้บ้างก็ไม่เสียหายนะจ๊ะคุณๆ อย่าที่บอกว่าเชื่อไว้บ้างก็ดี ไม่เชื่อก็อย่าไปลบหลู่
เอาล่ะๆ มาเริ่มดูกันเลยดีกว่า สำหรับ 10 ของขวัญที่ไม่ควรซื้อให้คนรัก มีดังนี้
1 รองเท้า
ข้อนี้เด็ด ใครมีแฟนรีบเอาไปให้อ่านเลย เขาว่ากันว่าหากแฟนซื้อรองเท้าให้จะทำให้เลิกกัน เพราะรองเท้ามันต้องอยู่เป็นคู่ คนที่เป็นแฟนกันแต่ยังไม่ได้อยู่กันเป็นคู่ รองเท้าจึงเป็นอาถรรพ์ที่อาจจะทำให้เลิกกันได้ เรื่องนี้ขอบอกว่าเคยเกิดขึ้นกับหลายคนนะคะ
2 เสื้อผ้าชุดดำ
ข้อนี้น่ากลัวมากๆ ห้ามให้เสื้อผ้าชุดที่มีสีดำเป็นของขวัญโดยเด็ดขาด เพราะคนโบราณเขาถือ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อ กางเกง กระโปรง ผ้าคลุม ผู้หลักผู้ใหญ่จะสอนอยู่เสมอว่า ถ้าเราให้ชุดดำใคร เราจะต้องได้ไปงานศพของคนนั้นนะคะ
3 นาฬิกา
ข้อนี้มาแนวถือเคล็ดซะมากกว่า เพราะหลายคนเชื่อหนักหนาว่า หากแฟนซื้อนาฬิกาให้ จะทำให้ระยะเวลาที่คบกัน อาจจะต้องหยุดลงเมื่อนาฬิกาเรือนนั้นหยุดเดิน ไม่ว่าสาเหตุมาจากอะไรก็ตาม
4 น้ำหอม
ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ เพราะมีหลายคนที่เขาเชื่อ เขาแอบกระซิบบอกมาว่า ห้ามให้แฟนซื้อน้ำหอมให้เด็ดขาด เพราะความรักของคุณอาจจะจืดจางเหมือนกับกลิ่นของน้ำหอมที่จางหายไปตามกาลเวลา
5 รูปถ่าย
อีกสิ่งหนึ่งที่ห้ามให้เด็ดขาดนั้นก็คือ รูปถ่ายเดี่ยวๆ ของตัวเอง เพราะมันเปรียบเสมือนการให้รูปที่ระลึกไว้ดูต่างหน้าเวลาจากกัน อาถรรพ์นี้หลายคนเจอมาแล้ว หากใครไม่อยากให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย หลีกเลี่ยงเด็ดขาด!
6 ผ้าเช็ดหน้า
ความหมายตรงตัวมากๆ ผ้าเช็ดหน้าส่วนใหญ่เขาไว้ใช้ทำอะไร คนรับของขวัญก็จะต้องใช้ทำอย่างนั้นหละ ผู้ได้ผ้าเช็ดหน้าส่วนใหญ่จะนำไปใช้เช็ดน้ำตาซะด้วย ดังนั้นใครไม่อยากที่จะต้องเสียน้ำตาต้องเลี่ยงให้ของขวัญเป็นผ้าเช็ดหน้านะคะ
7 ของมีคม
อันนี้คงไม่เชิงความเชื่อ เพราะมีสิทธิ์เกิดขึ้นได้แน่นอน แต่เชื่อไว้ก็ไม่เสียหลาย พวกของมีคมอาวุธ ดาบ ของเล่น โมเดลต่างๆที่มีคม อย่านำเป็นของขวัญ เพราะจะทำให้ผู้รับได้รับอันตราย มีภัย โชคร้าย ไปด้วย
8 หวี
ถ้าเรามอบหวีให้กับแฟน หรือเพื่อนคนไหน จะทำให้ความสัมพันธ์ของเราและเขาต้องห่างกันเหมือนซี่ของหวีนั้นเอง
9 เข็มกลัด
ภายนอกอาจจะดูสวย แต่ภายในแฝงไปด้วยความหมายที่น่าเจ็บปวด เพราะเชื่อว่าหากให้เข็มกลัดแก่ใครจะเป็นการทิ่มแทงใจ สร้างความเจ็บปวด ขัดแย้งให้กับผู้รับคนนั้น
10 เครื่องแก้วต่างๆ
ของขวัญชิ้นนี้ หลายคนคงได้บ่อยซะด้วย จนถือเป็นของเชยไปแล้ว เพราะตามความเชื่อว่าถ้าเกิดเครื่องแก้วนั้นแตกขึ้นมา นั่นก็หมายถึงความสัมพันธ์ของทั้งสองคนเป็นอันแตกหัก แตกสลายตามของอย่างแน่นอน

ผู้หญิง 4 แบบนี้แหละ!! ที่ “อกหัก” ตลอดกาล


ผู้หญิง 4 แบบนี้แหละ!! ที่ “อกหัก” ตลอดกาล

   เกิดมาเป็นผู้หญิงทั้งที ทั้งสวยทั้งเก่ง แต่!ทำไมถึงไม่มีแฟนซักที บางคนไม่สวย แต่เก่งก็ยังไม่มีคนมาจีบอยู่ดี สาวๆเคยนึกกันบ้างไหมจ๊ะว่าทำไมฉันถึงโสดนานขนาดนี้ ไหนๆลองมาดูกันหน่อยสิว่า เราอยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่เป็นสาวโสดขึ้นคานกันอะเปล่านะ ^^ ….


คุณนายช่างฝัน
ผู้หญิงบางคนรูปร่างหน้าตาก็ไม่ได้เลวเกวตรงไหน อยู่ในระดับดีถึงดีมากด้วยซ้ำ แต่ต้องมานั่งเฉาเหงาเศร้าอยู่คนเดียวก็เพราะหมายสูงนะสิ ตั้งเป้าไว้ว่า ต้องได้ หนุ่มหล่อ มาดดี ขี่รถเบนซ์ เป็นถึงผู้บริหาร หรืออย่างน้อยๆ ก็ต้องมีพ่อแม่ ใหญ่โต คับฟ้า มรดกร้อยล้าน สามารถเลี้ยงดูเราได้ตลอดชีวิต ชนิดที่ไม่ต้องกระดิกกระเดี้ย ทำอะไรก็มีกินเหลือเฟือ
ขอโทษเถอะ ผู้ชายแบบจอห์นเอฟ.เคนเนดี้จูเนียร์มีเพียงหนึ่งเดียวในโลก แถม ยังจากโลกนี้ไปแล้วเสียด้วย มีทางเดียวคือต้องตามไปเกิดใหม่เจ้าค่ะ
ยังมีผู้หญิงอีกหลายรายที่คิดเข้าข้างตัวเองว่า บรรดาชายในฝันเหล่านั้น กำลังรอ ให้ผู้หญิงแบบเธอก้าวเข้าไปในชีวิต ทั้งที่ ผู้ชายระดับไฮโซหรือซุปเปอร์สตาร์พวก นั้นไม่เคยรู้จักมักจี่กับเธอ
เรียกว่าเส้นทาง ชีวิตไม่มีทางโคจรมาเจอกันได้ แต่คุณนายช่างฝันผู้เดียวดายก็ ยังเตรียมตัวให้พร้อม เผื่อว่าสักวันฝันนั้นจะเป็นจริง ทุกคนมีหนุ่มในสเปคที่วาด ภาพไว้ในใจทั้งนั้น แต่เรามีสติสตังแยกแยะออกว่า อะไรเป็นไปได้และอะไร เป็นไปไม่ได้ อันเป็น หนทางที่ไม่ทำให้พบจุดจบและบทลงท้ายในแบบสาว ผู้เดียวดายตลอดกาล
จากที่เคยคิดเอาไว้ว่า อยากได้แฟนหน้าเหมือนทอม ครุยส์ ลองลดข้อแม้ลงหน่อย ดีไหม เอาแค่มีจมูกหรือคิ้วเหมือนทอม ครุยส์ก็ยังดี รับประกันได้เลยว่า เราจะไม่ พลาดโอกาสที่จะได้รู้จักคนน่ารักและแสนดีอีกมากมายบนโลกใบนี้
แม้ว่าคนเหล่านั้นอาจไม่ตรงตามสเปคที่เรามองหาก็เถอะ ผู้ชายบางคนอาจดูไม่ เข้าสเปคของเราสักอย่าง แต่ถ้าลองคบหากันอาจถูกใจอย่างไม่น่าเชื่อ
ในที่นี้ไม่ได้หมายความว่า ให้ไปเดทกับผู้ชายคนแรกที่พบในซุปเปอร์มาร์เก็ต แค่อยากให้ลองพิจารณามนุษย์เดินดินที่เราสามารถเอื้อมถึงเท่านั้นเอง จะได้ไม่ ต้องนั่งคอยชายในฝันอย่างเดียวดายอีกต่อไป

ทำตัวเป็นสะพาน
บางครั้งอาการตามืดตามัวด้วยความหลงใหล ก็อาจทำให้เราไม่รู้ตัวว่ากำลังถูก ใช้เป็นสะพานเหยียบเดินข้ามไปหนำซ้ำบางคนยอมให้สนตะพาย ซ้ำแล้ว ซ้ำเล่าเหมือนเป็น โรคจิตอ่อนๆ ไม่เคยจดจำไว้เป็นบทเรียนสอนใจเลยสักครั้ง เรื่องปวดใจก็คือเวลาที่ต้องเสีย ไปกับชะตากรรมทำนองนี้
แต่ละวันเราได้พบเจอะเจอกับผู้คนมากมายที่อาจเป็นคู่ควงแสนวิเศษได้ แต่ สมองเราไม่รับรู้ จึงพลาดการสานต่อความสัมพันธ์ให้งอกงาม เมื่อวันเวลาผ่านไป แทนที่ จะได้ใช้ชีวิตครองคู่อยู่กับคนที่เรารักและเขารักเรา ก็ต้องลงท้ายนั่งเหงา อยู่คนเดียว เพราะมัวแต่เสียเวลาตาบอดกับคนที่หาประโยชน์จากเราเท่านั้น
กรณีเช่นนี้มีให้เห็นบ่อยไป ผู้ชายบางคนเข้าหา ผู้หญิงก็เพราะจะอาศัย หน้าที่การ งานของผู้หญิงเป็นหน ทางไต่เต้าหรือเอื้อประโยชน์เข้าตัว ครั้นหมดประโยชน์ก็ตี จากตัวผู้หญิงเอง กว่าจะไหว ตัวทันก็ถูกทิ้งให้นั่งน้ำตาตก ส่วนใหญ่แรกๆมักไม่ ค่อยรู้ตัวเพราะ ความรักความหลง บดบังกลโกงเสียสิ้น
วิธีแก้ไขมีอยู่ทางเดียวคือ ทบทวนความสัมพันธ์ที่ล้มเหลวเสียใหม่ วิเคราะห์เจาะ ลึกถึงต้นสายปลายเหตุเพื่อเป็นบทเรียนสอนใจ ยอมรับให้ได้ว่าเราถูกเขาหลอก เข้าแล้ว เมื่อพบหนุ่มรายใหม่ถูกใจจะได้ระมัดระวังตัวมากขึ้น อย่าได้รีบร้อนถลำลึก หรือทุ่มเทถล่ม อารมณ์ความรักโหมเข้าใส่เขาจนหมดเนื้อหมดตัว ยับยั้งชั่งใจค่อยๆ คบกันไป ให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ธาตุแท้ของแต่ละฝ่ายจะดีกว่า

ผลัดวันประกันพรุ่ง
นี่ไม่ใช่การบ้านหรือการทำรายงานส่งเจ้านายจะได้ผัดผ่อนไปเรื่อยเปื่อย ควรนึกเสมอว่า เวลาไม่คอยท่า ผู้ชายไม่คอยใคร ผ่านมาแล้วก็ผ่านเลยไป เหมือนสายน้ำ มัวแต่…เดี๋ยวก่อน…เดี๋ยวก่อน เผลอๆรถด่วนขบวนสุดท้าย วิ่งผ่านไปเข้าป้ายใครแล้วก็ไม่รู้
สาวบางรายชอบหา ข้อแก้ตัว ที่ฟังไม่ขึ้นอย่างเช่น ขอลดน้ำหนักให้ได้สัก สองสามกิโลก่อน ขอจัดบ้านใหม่ให้เรียบร้อย ขอหางานใหม่ก่อน ขอเรียนให้ จบก่อนแล้ว ค่อยมีแฟน ฯลฯ
ถ้าไม่ซีเรียสเรื่องแฟนก็จงรอคอยต่อ ไปเรื่อยๆ แต่ถ้าไม่อยากครองตัวเป็น โสดไปจนตายควรเริ่มขวนขวายเสียแต่วันนี้ เริ่ม ด้วยการมองย้อนกลับไป ดูสิว่าเราเสีย เวลาไปมากน้อยแค่ไหน แล้วจะตกใจเมื่อพบว่า นี่ไม่ใช่แค่เสีย เวลาแต่ยังเสีย โอกาสดีๆที่ลอยผ่านมาไปแล้วหลายต่อหลายครั้ง และอาจเป็น คนที่”ใช่”ก็ได้ แทนที่ จะผัดผ่อนต่อไป
ควรเปลี่ยนแปลงชีวิตเสียใหม่ ออกไปเปิดหูเปิดตาข้างนอก ทำตัวให้น่าเข้าใกล้ ไปปาร์ตี้กับเพื่อนฝูง เล่นกีฬาหางาน อดิเรกหรือกิจกรรมอื่นๆทำ เพื่อให้เจอคน หน้าใหม่ๆ และบอกบรรดาคนใกล้ชิดว่า เรากำลังต้องการคนรู้ใจ ไว้แนบข้างสักคน แหม ไม่ต้องเขินหรอกน่า ปูนนี้แล้วจะหวงเอาไว้ทำไม

เป็นโรครักแรกพบขึ้นสมอง
อาการรักแรกพบเป็นสาเหตุของโรคอกเดาะมานักต่อนัก ชีวิตมิใช่นิยาย หรือภาพยนตร์ที่ พระเอกนางเอกสบตากันปั๊บ ก็ไฟช๊อต ดีกรีความรักพุ่งปรี๊ดทันที จากนั้นก็เกี่ยวก้อย ตระกองกอดกันแนบแน่นท่ามกลางบรรยากาศโรแมนติคสุดๆ ลงท้ายได้ครองคู่ อยู่ด้วยกันตราบชั่วฟ้าดินสลาย หากยังดื้อดึงคิดว่า รักแรกพบคือ เรื่องที่เป็นไปได้ จงพิจารณาปัญหาดังต่อไปนี้ทุกวันเราอาจสบตากับคนเป็นร้อย แต่ยังหาที่ปิ๊งปั๊งไม่ได้สักที หรือถ้า หากบังเอิญสบตากับใครที่ป้ายรถเมล์ ต่างคนต้องแยกย้ายขึ้นรถ คนละคัน จากนั้นก็คงไม่พบกันอีกแล้วชาตินี้ มีคนอีกมากมายที่เชื่อ ในเรื่องรักแรกพบ ซึ่งเป็นเรื่องน่าเศร้า เพราะความรักประเภทนี้ มักจบลงด้วยความโศกาจริงๆ
ปัญหาอีกอย่างคือ ในขณะที่เรานั่งรอนอนรอรักแรกพบ เราก็ได้ปิด โอกาส ไม่ให้คนอื่นเข้าใกล้ ซึ่งนั่นอาจเป็นรักแท้ของเราก็ได้ ความรัก ต้องอาศัย การฟูมฟักก่อตัวขึ้นตามกาลเวลา
บางรายอาจเริ่มจากความเป็นเพื่อน แล้วพัฒนาเป็นความรัก หรือเรา อาจมีรักแรกพบและปล่อยให้รักแรก พบเติบโตแข็งแรงขึ้นตามวันเวลา ได้เช่นกัน ปัญหาของโรคคลั่งรักแรกพบที่เจอบ่อยๆคือ ปิ๊งเขาแต่เขาไม่ปิ๊งเรากลับ สุดเฮิร์ทเลยนะนั่น
ปี๊บปี้เลิฟเหมาะสำหรับเด็กๆเขามีกัน สำหรับ ผู้ใหญ่อย่างเราถ้าทำตัว งุ่นง่านวุ่นวายแบบเด็กๆคงน่าเกลียดพิลึก การจู่โจมอาจทำให้ชายหนุ่ม ตกใจ เปิดหนีไปเลย ควรสงบจิตสงบใจ เข้าหาเขาอย่างมีมาดดีกว่านะ
ดังนั้น เชื่อมั่นในตัวเองดีที่สุด
ปัญหาสี่แบบที่เกิดขึ้นล้วนมาจากความไม่มั่นใจ ในตัวเอง หากเราไม่เชื่อว่าตัวเองมีค่าพอสำหรับคนอื่น ก็คงยากที่จะให้ใครมารัก ทำทุกวิธีทางเพื่อเสริมสร้างความมั่นใจให้ตัวเอง ยืดอก เชิดหน้า ก้าวออกจากบ้านด้วยใบหน้ายิ้มแย้มมีความสุข.. .สุขเสีย จนใครๆก็อยากเข้ามาร่วมแบ่งปันความสุขด้วยนั่นละ สาวๅจ๋าถ้ามีพฤติกรรมแบบนี้ก็ควรลดๆลได้แล้วนะ เดี๋ยวจะขึ้นคานซะก่อน ไม่เชื่ออย่าลบหลู่หล่ะ ^^


จัดอันดับ 10 เซเลบริตี้ สวยแซงดารา ของเมืองไทย


จัดอันดับ 10 เซเลบริตี้ สวยแซงดารา ของเมืองไทย

จัดอันดับ 10 เซเลบริตี้ สวยแซงดารา ของเมืองไทย
…..วินาทีนี้ นอกจากดาราที่เป็นที่สนใจของนักข่าว สื่อมวลชน แล้วยังมีกลุ่มคนอีกประเภท ที่ใช้คำจำกัดความว่า เซเลบ หรือ เซเลบริตี้ ที่นับวันก็ยิ่งปรากฎตัวมากขึ้น จนปัจจุบันบางทีเราก็แยกไม่ออกว่า เซเลบริตี้กับดารานั้นต่างกันยังไง?
…..เหล่า เซเลบ ที่หลายคนอาจเรียกง่ายๆ สั้นๆ แต่ได้ใจความว่า “ไฮโซ” นั้นนอกจากจะต้องเป็นผู้ที่มีความรู้ มีความสามารถ มีชาติตระกูล ที่สำคัญอีกอย่างนั่นคือ ความสวย ความเริ่ด ที่มาเป็นตัวช่วยการันตีว่า งานไหนงานนั้น ถ้าเธอมาเยือน ช่างภาพ นักข่าว จะต้องรุมล้อมไม่น้อยกว่าดาราชั้นแนวหน้าแน่นอน
…..วันนี้ Women Mthai เลยขอจัดอันดับ 10 เซเลบริตี้สาว สุดฮ็อต ที่สวยเทียบชั้นดารา มาให้ได้ยลโฉมกันแบบเต็มๆตา ดูกันให้เห็นจะๆ กันไปเลยว่า ดารา กับ เซเลบ ยุคนี้ใครจะเจิดได้ใจกว่ากัน
10.พีช – สิตมน ผลดี
….หลาย คนอาจรู้จักเธอในฐานะ ภรรยาของพระเอกสุดหล่ออย่าง ติ๊ก เจษฎาภรณ์ ผลดี แต่เธอคนนี้เป็นเจ้าของร้านขายเฟอร์นิเจอร์ยักษ์ใหญ่ Q Concept Store และนอกจากนั้น สาวคนนี้คือเพื่อนซี้ของ ชมพู่ อารยา ที่ได้ร่วมหุ้นกันเปิดร้านขายตุ๊กตาบลายธ์ด้วยกันอีก จึงไม่แปลกถ้าจะคุ้นหน้าเธอในแวดวงงานสังคมบ๊อย..บ่อย
9.หนูแหวน-ปวริศา เพ็ญชาติ
….ฮ็อต จนเทียบชั้นดาราอีกคน ก็คือเธอคนนี้ หนูแหวน ปวริศา ทายาศคนเดียวของ ปัญญชลี เพ็ญชาติ ผู้นำวงการอสังหาริมทรัพย์เมืองไทยลำดับต้นๆ เธอเริ่มต้นความฮ็อตของเธอด้วยการก้าวเข้าสู่วงการบันเทิงด้วยบทบาทพิธีกร และที่หลายคนให้ความสนใจสุดๆ ก็คงหนีไม่พ้น ธุระกิจพาสาวไทยไปทำศัลยกรรมที่เกาหลี ที่ใครๆ ก็ต้องร้องอ๋อ
8.เอ็ม-ศิรประภา จีระพันธ์
….เธอ คนนี้ได้ชื่อว่าเป็นเซเลบที่ใครๆ ก็อยากเชิญให้มาร่วมงาน แทบจะแย่งตัวกัน เพราะความที่เธอเป็นคนน่ารัก พูดเก่ง ยิ้มหวาน และมีดีกรีด้านแฟชั่นจากอังกฤษ เพราะฉะนั้นเรื่องแบบนี้เธอถนัดเป็นที่สุด
7.ปอ-ศีกัญญา ศักดิเดช ภาณุพันธุ์ 
….ปอ ศีกัญญา ทายาทกิจการโรงแรม เรอเนสซองส์ สาวฮ็อตที่เรียกแสงแฟลช ได้ทุกงาน เพราะเธอคือเซเลบสาวร่างเล็ก แต่มีสไตล์โด่ดเด่นไม่เป็นรองใคร แถมด้วยหน้าตาสวยโฉบเฉี่ยวของเธอ
6.เพชร-บุญญาภาณิ์ เบญจรงคกุล
….ทายาท เบญจรงคกุล อดีตผู้ก่อตั้งดีแทค เป็นที่รู้จักของนักข่าวเมื่อครั้งที่เธอคบหาดูใจกับ พระเอกฮ็อตอย่าง ชาคริต แย้มนาม หลังจากนั้นเธอก็กลายเป็นเซเลบสาวที่ต้องการตัว มาร่วมงานอีเว้นท์มากที่สุดอีกคน
5.หญิงแมงมุม-ม.ร.ว.ศรีคำรุ้ง ยุคล
….เจ้า ของแบรนด์กระเป๋าที่ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า อย่าง แมงมุม ชื่อเดียวกันกับเจ้าตัว ธิดาสาวคนโตของ หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล เธอกลายเป็นแฟชั่นสตาร์ตัวแม่ ที่บรรดาเหล่าพีอาร์ต้องการตัวมากที่สุด เพราะงานไหนที่เธอมาเยือน งานนั้นเริ่ดแน่นอน
4.กิฟต์-สรัญทร เตชะไพบูลย์ 
….เจ้า แม่วงการแฟชั่น ที่การันตีได้ด้วยตำแหน่งหน้าที่การงาน แบรนด์เมเนเจอร์ เวอร์ซาเช่ ลูกสาวคนสวยของตระกูล เตชะไพบูลย์ ที่พบเห็นเธอแทบจะทุกงานอีเว้นท์ ด้วยความโด่ดเด่นมีสไตล์ในการแต่งตัวที่หาใครเทียบไม่ได้ แค่นี้เธอก็ฮ็อตแซงดาราหลายคนได้แล้ว
3.หญิงแอร์-ม.ร.ว.จันทรลัดดา ยุคล
….นอก จากความสวยของเธอแล้ว ร้านฟลามิงโก ที่เธอปั้นมากับมือและออกแบบดีไซด์เสื้อผ้าทุกตัว ก็กลายเป็นร้านฮ็อตที่เหล่าบรรดาเซเลบด้วยกันช่วยกันอุดหนุนอย่างคับคั่ง
2.มัดหมี่-พิมดาว พานิชสมัย
….ลูก สาวคนโตของ พลเอกไพโรจน์ พานิชสมัย สาวสวยที่มีดีกรีเป็นนักร้องเก่าจากค่ายอาร์เอส ที่ตอนนี้เธอผันตัวเองมาสู่วงการบันเทิงด้วยการประเดิมบทนางเอกของภาพยนตร์ โทรทัศน์ของท่านมุ้ย หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล เป็นที่เรียบร้อย
1.แพร-พิมพิศา จิราธิวัฒน์
….วินาที นี้ใครจะฮ็อตเท่าเธอคนนี้ไม่มีอีกแล้ว ทายาทคนสวย แห่งตระกูลจิราธิวัฒน์ เจ้าของห้างเซ็นทรัล ที่ใครๆ ก็ให้ความสนใจ เพราะนอกจากเธอจะหน้าตาสวยเทียบชั้นนางเอกแล้ว เธอยังมีความสามารถในการร้องเพลง และที่สำคัญเธอคนนี้คือเซเลบรุ่นเล็กที่มาแรงที่สุดในตอนนี้

10อันดับนักร้องสาวสุดสวย


10อันดับนักร้องสาวสุดสวย


นักร้อง คือบุคคลที่ร้องเพลงเป็นอาชีพ นักร้องมีหลากหลายแบบ ตามแนวเพลง นักร้องที่ดีจะมีเสียงที่ไพเราะเป็นจุดดึงดูดให้ผู้ฟังเพลงได้เพลิดเพลิน ซึ่งประเภทของเพลง ทำให้แยกประเภทของนักร้องได้ เช่น Acoustic pop rock jazz bass ฯลฯ นักร้อง อาชีพที่ทำให้บรรดาเราทุกคน ได้มีความสุขกับเสียงเพลง ได้ฟังเพลง ได้ร้องไห้ เวลาเค้าร้องเพลงซึ้ง เพลงเศร้า โดนใจ ได้เต้น เวลาที่เค้าร้องเพลงมันส์ฺๆ มีดนตรีมันส์ๆ นักร้องในโลกของเรามีมากกว่า 10000คน เคซิโมดอทคอมรวม  10อันดับ นักร้องสาวสุดสวยมาให้ดูกันครับ
10.Kesha sebert เคชาเป็นนักร้องนักแต่งเพลงสาวรุ่นจากลอสแอนเจลิส เธอมีแม่เป็นนักร้อง นักแต่งเพลง มีความเชื่อมั่นในตัวลูกสาวตั้งแต่เล็กว่า มีพรสวรรค์ที่จะโตเป็นนักร้องชื่อดังในอนาคต เธอพาเคชา ไปอยู่แนชวิลล์  ติดต่อสำนักพิมพ์ลิขสิทธิ์เพลง ขณะเรียนอยู่ชั้นมัธยมปลาย เคชาเกิดเบื่อหน่ายเรียนไม่จบ แม่พากลับไปอยู่ลอสแอนเจลิสเผอิญโปรดิวเซอร์ ดร.ลู๊ก กับ แมกซ์ มาร์ติน เจอะแผ่นเดโมที่ครั้งหนึ่ง เคชาเคยขับร้องไว้ จึงแนะนำให้ไปร้องแบ็กอัพให้นักร้องชื่อดังอย่าง ปารีส ฮิลตัน จนแน่ใจว่าเป็นนักร้องเดี่ยวได้ จากนั้นดร.ลู๊ก พาไปเซ็นสัญญากับสังกัดอาร์ซีเอออกซิงเกิลแรก “Tik Tok” กลายเป็นซิงเกิลติดอันดับ 1 ในหลายประเทศตั้งแต่แคนาดา ออสเตรเลียนอร์เวย์[ต้องการอ้างอิง] แล้วเธอถึงได้ออกอัลบั้มเต็มแผ่นชื่อ Animal เมื่อต้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา อัลบั้มขึ้นถึงอันดับ 1 ในสัปดาห์แรกที่ออกจำหน่าย
9.Carrie underwood
8.Nicole schenzinger กับการทำงานร่วมกับวง เดอะ พุสซีแคตดอลส์ เธอได้มีการออกอัลบั้ม 2 อัลบั้ม ได้แก่ อัลบั้ม PCD และอัลบั้ม Doll Domination และเริ่มต้นทัวร์คอนเสิร์ต และหลังจากที่เธอออกจากวง เดอะ พุสซีแคตดอลส์ ในเดือน ธันวาคม 2553 นั้น นิโคล เชอร์ซิงเกอร์ได้เริ่มต้นทำเพลงอัลบั้มเดี่ยว ที่มีชื่อว่า อัลบั้ม Killer Love และอัลบั้ม Don’t Hold Your Breath ซึ่งสามารถนำเป็นอันดับ 1 ของ UK Singles Chart ทำให้เธอกลายเป็นศิลปินเดี่ยวคนแรกที่มีผลงานเป็นอันดับที่ 1 นอกจากนั้น นิโคล เชอร์ซิงเกอร์ ได้รับรางวัลชนะเลิศ จากการประกวด Dancing with the Starsครั้งที่ 10 ในปี 2553 และถัดมาเธอก็ได้รับการเชิญชวนให้เป็นกรรมการตัดสินรายการ The X Factor ของทางประเทศสหรัฐอเมริกา ในเดือน กันยายน 2554

7.เทย์เลอร์ สวิฟต์

6.บริทนี่ย์ สเปียร์ส
5.เจนนิเฟอร์ โลเปซ  เจนนิเฟอร์ โลเปซ เกิดในเขตบรองซ์ เมืองนิวยอร์ก รัฐนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกาในครอบครัวชาวเปอร์โตริโก เจนนิเฟอร์ได้เรียนร้องเพลงและเต้นรำตั้งแต่เธออายุเพียง 5 ปี ได้ตระเวนร่ำเรียนการเต้นไปทั่วเมืองนิวยอร์ก จนเมื่อเธออายุ 16 ปี เจนนิเฟอร์ได้หยุดการเรียนเต้นช่วงสั้นๆ เพื่อไปแสดงภาพยนตร์เรื่อง “My Little Girl” เธอได้ทำงานพาร์ทไทม์ ในสำนักงานกฎหมายแห่งหนี่ง ระหว่างนั้น เธอยังคงเรียนเต้นรำ และหารายได้ในการเต้นรำในผับตอนกลางคืน เธอเริ่มต้นด้วยการเต้นในรายการโทรทัศน์ ”In Living Color” หลังจากนั้นเธอก็ได้ปรากฏตัวในมิวสิกวิดีโอเพลง “That’s the Way Love Goes” ของศิลปินสาวชื่อดัง เจเน็ท แจ็คสัน
4.Kate voegele
3.Harley williams
2.Kathy perry
1.คริสติน่า อากีเลร่า

เรื่องเล่า


อาจารย์มหาวิทยาลัยคนนึง เริ่มการสนทนาในชั้นเรียนด้วยการควักธนบัตรใบละ 1,000 บาท ......
ออกมาให้นักศึกษาดู แล้วถามว่า "มีใครอยากได้บ้างไหม"
นักศึกษาทุกคนยกมือขึ้น

อาจารย์ขยำธนบัตรนั้น จบยับยู้ยี่......แล้วถามอีกครั้งว่า "มีใครยังอยากได้ธนบัตรใบนี้อีกหรือไม่"
ทุกคนยังยกมือขึ้นเหมือนเดิม

อาจารย์ถามต่ออีกว่า "ถ้าสมมุติว่า ธนบัตรใบนี้ถูกทิ้งอยู่บนพื้น แล้วมีคนมาเหยียบย่ำจนสกปรก ยังจะมีใครอยากได้อีกหรือไม่"
นักศึกษาทุกคนตอบว่ายังอยากได้......

อาจารย์จึงกล่าวสรุปว่า
"นั้นคือสิ่งมีค่า ที่พวกเธอได้เรียนรู้ในวันนี้ ไม่ว่าจะเธอจะทำอะไรกับธนบัตรใบนี้ มันก็คงยังมีราคา 1,000 บาทเสมอ ชีวิตคนเราก็เช่นเดียวกัน บางครั้ง เราอาจจะถูกทอดทิ้ง ถูกใครต่อใครซ้ำเติม เหยียบย่ำ ถูกขยี้ ยับเยิน เพราะผิดพลาดในการก้าวเดินของชีวิต จนทำให้เธอเกิดความรู้สึกว่าตนเอง ไร้ค่า แต่รู้ไหม ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เธอก็ยังมี คุณค่าของความเป็นคน ไม่ว่าเธอจะสะอาดเอี่ยม หรือยับยู้ยี่ ^^ ตัวเรามีค่าที่สุดเสมอ จำไว้

โดย: ไพรัช สุริวงศ์..

ปล. อ่านจบแล้วชอบ กดไลค์กดแชร์ ได้เลย!!
อ่านให้จบนะ...

อาจารย์มหาวิทยาลัยคนนึง เริ่มการสนทนาในชั้นเรียนด้วยการควักธนบัตรใบละ 1,000 บาท ......
ออกมาให้นักศึกษาดู แล้วถามว่า "มีใครอยากได้บ้างไหม"
นักศึกษาทุกคนยกมือขึ้น

อาจารย์ขยำธนบัตรนั้น จบยับยู้ยี่......แล้วถามอีกครั้งว่า "มีใครยังอยากได้ธนบัตรใบนี้อีกหรือไม่"
ทุกคนยังยกมือขึ้นเหมือนเดิม

อาจารย์ถามต่ออีกว่า "ถ้าสมมุติว่า ธนบัตรใบนี้ถูกทิ้งอยู่บนพื้น แล้วมีคนมาเหยียบย่ำจนสกปรก ยังจะมีใครอยากได้อีกหรือไม่"
นักศึกษาทุกคนตอบว่ายังอยากได้......

อาจารย์จึงกล่าวสรุปว่า 
"นั้นคือสิ่งมีค่า ที่พวกเธอได้เรียนรู้ในวันนี้ ไม่ว่าจะเธอจะทำอะไรกับธนบัตรใบนี้ มันก็คงยังมีราคา 1,000 บาทเสมอ ชีวิตคนเราก็เช่นเดียวกัน บางครั้ง เราอาจจะถูกทอดทิ้ง ถูกใครต่อใครซ้ำเติม เหยียบย่ำ ถูกขยี้ ยับเยิน เพราะผิดพลาดในการก้าวเดินของชีวิต จนทำให้เธอเกิดความรู้สึกว่าตนเอง ไร้ค่า แต่รู้ไหม ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เธอก็ยังมี คุณค่าของความเป็นคน ไม่ว่าเธอจะสะอาดเอี่ยม หรือยับยู้ยี่ ^^ ตัวเรามีค่าที่สุดเสมอ จำไว้

โดย: ไพรัช สุริวงศ์..

ปล. อ่านจบแล้วชอบ กดไลค์กดแชร์ ได้เลย!!

8 อันดับการดูแลสุขภาพดี


ผู้ ที่มีบุคลิกภาพดี เห็นกี่ทีก็ประทับใจ ไม่ว่าจะเป็นการเดิน การนั่ง การพูดจา หรือว่าเคลื่อนไหวร่างกายในท่วงท่าใด ๆ ดูแล้วก็สง่าและสวยงามไปหมด แต่บุคลิกภาพไม่ใช่แค่เรื่องของความสง่า ผ่าเผยที่คนเรามองกันจากภายนอกเท่านั้น มันยังสำคัญต่อสุขภาพของเราด้วยนะคะ ทั้งช่วยในเรื่องการไหลเวียนของเลือด หายใจได้สะดวก รวมทั้งยังช่วยเรื่องอาการปวดเมื่อยของร่างกายด้วย ถ้าอย่างนั้นเราจะปรับตัวเองให้มีบุคลิกภาพที่ดีได้อย่างไร มาดูกันเลย
 1. เปิดไหล่ไม่ให้ห่อ
แค่ยืดตัวตรง แล้วผายไหล่ให้เสมอเป็นระนาบเดียวกับแผ่นหลัง ก็จะทำให้บุคลิกของคุณดูดีขึ้นมาทันตา เอาไปใช้ได้ทั้งท่านั่ง ท่ายืน ท่าเดิน หรือแม้แต่ยามถ่ายรูป ท่านี้จะช่วยลดแรงตึงเครียดที่จะเกิดขึ้นที่แผ่นหลังจากการนั่งทำงานอยู่กับ ที่นาน ๆ ด้วย
 2. แขม่วท้อง
หน้าท้องและกล้ามเนื้อส่วนกลางลำตัว ส่งผลอย่างมากต่อท่วงท่าต่าง ๆ ของคุณ ลองแขม่วท้องดูทุกครั้งไม่ว่าคุณจะนั่งหรือยืน มันจะทำให้คุณดูผอมลงได้ในทันที และมีบุคลิกที่ดูดีขึ้นด้วย คุณอาจจะไม่ชินกับการบังคับตัวเองให้แขม่วท้องมากนักในช่วงแรก ๆ แต่เมื่อลองทำไปบ่อย ๆ ก็จะติดเป็นนิสัย บางทีอาจรู้สึกไม่มั่นใจเมื่อยืน นั่ง หรือเดินโดยไม่แขม่วท้องก็ได้นะคะ
ยกของ
 3. ย่อเข่าเมื่อยกของ
เมื่อคุณต้องก้มลงหยิบหรือยกของที่อยู่ระดับต่ำ อย่าโน้มตัวลงไปโดยขายังเหยียดตรง แต่ให้ย่อเข่าของคุณลงด้วย ท่านี้จะป้องกันโอกาสที่จะเกิดอาการบาดเจ็บที่หลังและเอวของคุณได้
รองเท้าส้นสูง
 4. ลงจากส้นสูงเสียบ้าง
ถึงแม้ว่ารองเท้าส้นสูงสัก 3 นิ้ว จะทำให้หุ่นของคุณดูเพรียวขาดูเรียวเล็กลง แต่มันก็เหมาะที่จะใส่แค่ในบางช่วงบางเวลาเท่านั้น หากว่าคุณจะต้องอยู่ในท่ายืนหรือเดินนาน ๆ ก้าวลงจากส้นสูงมาใส่รองเท้าส้นเตี้ยที่โอบอุ้มและรองรับน้ำหนักจากเท้าของ คุณได้ดีดีกว่านะคะ เดี๋ยวนี้มีรองเท้าส้นเตี้ยแบบน่ารัก ๆ ให้เลือกซื้อเลือกใส่เยอะแยะเสียด้วย ^^
 5. เดินไปมาเปลี่ยนอิริยาบถ อย่ายืนนิ่งกับที่
หากคุณต้องอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่สามารถหาที่นั่งได้ ต้องยืนฟัง ยืนคุย หรือยืนสอนนักเรียนในชั้น (หากว่าคุณเป็นครู) เป็นเวลานาน อย่ายืนนิ่งในท่วงท่าเดิมตลอดเวลา แต่ให้ขยับตัว หรือก้าวซ้ายขวาไปมาบ้าง ทั้งนี้เพื่อกระตุ้นให้เลือดไหลเวียนไปทั่วร่างกายได้สะดวก ไม่เช่นนั้นคุณอาจรู้สึกหน้ามืดวิงเวียนจนถึงขั้นเป็นลมได้เลยทีเดียว
 6. คางเชิด
ใครที่ชอบก้มหน้ามองเท้าตอนเดิน มักจะมีท่วงท่าการเดินที่หลังงุ้ม ไหล่ห่อ แถมคางก็ชิดเกือบชิดอก เป็นท่าที่ทำให้หายใจลำบาก คนมองเห็นก็ยังรู้สึกห่อเหี่ยวด้วย ลองปรับเปลี่ยนท่วงท่าให้หน้าเชิดขึ้น คางทำระนาบขนานกับพื้น เปลี่ยนจากการเดินมองปลายเท้ามาเป็นมองพื้นที่อยู่ข้างหน้าสัก 2-3 เมตรแทน ท่วงท่าการเดินของคุณจะดูดีราศีจับขึ้นมาทันใด
นอนหลับ
 7. บอกลาที่นอนนุ่มนิ่ม
แม้ว่าที่นอนนุ่มนิ่มจะทำให้คุณรู้สึกสบายตัวในช่วงแรก ๆ แต่เมื่อนอนไปนาน ๆ อาการปวดหลังจะถามหาเอาได้ เพราะมันทำให้กล้ามเนื้อหลังไม่แข็งแรง ทั้งยังเสี่ยงเรื่องกระดูกคดจากการนอนบนที่นอนที่นุ่มเกินไปเป็นเวลานาน ลองสำรวจที่นอนของคุณดูสิว่ามันอ่อนยวบยาบ นุ่มนิ่มเกินไปหรือไม่ ถ้าใช่ ... มองหาฟูกที่นอนใหม่ ที่แข็งกว่าเดิมได้เลยค่ะ
 8. ออกกำลังกายเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อกลางลำตัว
กล้ามเนื้อช่วงกลางลำตัว อันได้แก่ กล้ามเนื้อหน้าท้องและแผ่นหลังที่แข็งแรง จะช่วยปรับบุคลิกในทุกท่วงท่าของคุณให้ดูดีขึ้นตามไปด้วย คุณสามารถฝึกความแข็งแรงของกล้ามเนื้อได้ด้วยการออกกำลังกาย เช่น โยคะ พิลาทีส ฯลฯ กล้ามเนื้อจะแข็งแรงขึ้น บุคลิกดีขึ้น และรูปร่างก็จะดีขึ้นด้วย รับประกันค่ะ ;)

ผู้ให้ข้อมูลร่วมกัน

คลังบทความของบล็อก